"Connected car" ได้เกิดขึ้นในยุค 5G และ DX (Digital Transformation) หนึ่งใน 5G / 6G ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือ "Connected car" Connected car ที่สามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตเหมือนสมาร์ทโฟนจะเปลี่ยนชีวิตเราอย่างไร? และข้อมูลที่ได้จาก Connected car จะถูกนำไปใช้อย่างไรบ้าง?
วันนี้เรามีมาแชร์กัน และมาดูกันว่า คุณพร้อมมั้ย? กับเทคโนโลยี Connected Cars + 5G ขับขี่สู่โลกอนาคต
<<< การขับขี่อัตโนมัติมีทั้งหมด 4 Level >>>
ตามข้อมูลที่เผยแพร่โดยประเทศญี่ปุ่นในปี 2559 แผนงานถูกแบ่งออกเป็น 4 ขั้นตอน ซึ่งตอนนี้เรามาถึงระดับ 3 แล้วหละครับ และการพัฒนาเทคโนโลยีกำลังก้าวไปสู่เป้าหมายอย่างต่อเนื่อง ระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติเต็มรูปแบบ (Fully automatic driving system) จะมาในไม่ช้านี้อย่างแน่นอน
Level 1 : ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ
Level 2 : Semi-automatic pilot (* Driving responsibility is the driver)
Level 3 : Automatic pilot (*Driving responsibility is the System)
Level 4 : Fully automatic driving system, บริการขับเคลื่อนอัตโนมัติไร้คนขับ
<<< ตัวอย่างระบบใหม่ของ "Connected car" >>>
1.ระบบโทรฉุกเฉิน (Emergency Call System)
เมื่อเซ็นเซอร์ในรถตรวจพบการทำงานของถุงลมนิรภัยหรือเมื่อกดปุ่มโทรฉุกเฉิน ฟังก์ชัน GPS จะติดต่อศูนย์บริการทางโทรศัพท์โดยอัตโนมัติด้วยข้อมูลตำแหน่งที่แม่นยำ มีผลบังคับใช้ในยุโรปตั้งแต่ปี 2018
2.ระบบติดตามรถที่ถูกขโมย (Stolen Vehicle Tracking System)
หากคุณทำสมาร์ทโฟนหาย คุณสามารถใช้ "บริการข้อมูลตำแหน่ง" เพื่อค้นหาตำแหน่งปัจจุบันของคุณบนสมาร์ทโฟนได้ จะสามารถค้นหารถที่ถูกขโมยได้ในลักษณะเดียวกัน
3.ระบบวินิจฉัยความล้มเหลวและระบบบำรุงรักษา (Failure diagnosis system & maintenance system)
ระบบจะจับข้อมูลเกี่ยวกับการบำรุงรักษาตามความเสียหายของรถยนต์และการทำงานผิดปกติที่ได้รับจากอุปกรณ์และระยะทาง
4.ระบบแผนที่ตามเวลาจริง (Real-time Map system)
ระบบนำทางของรถยนต์ได้รับการพัฒนาต่อไป ข้อมูลการจราจรติดขัดและข้อมูลแนะนำจะถูกส่งแบบ Real-time นอกจากนี้ กระจกจะกลายเป็นหน้าจอ ซึ่งทำให้สามารถรับข้อมูลแผนที่ที่สมจริงยิ่งขึ้น
5.หลีกเลี่ยงการขับขี่ที่อันตราย (Avoiding Dangerous Driving)
เซ็นเซอร์ในรถยนต์และกล้อง AI ทำให้สามารถตรวจจับ แจ้งเตือน และรายงานการขับขี่ที่เป็นอันตรายได้ นอกจากนี้ การขับขี่อัตโนมัติเต็มรูปแบบยังช่วยลดโอกาสเกิดอุบัติเหตุจากความผิดพลาดของผู้ขับขี่
6.ระบบกำหนดเบี้ยประกันตามระดับความเสี่ยงของผู้ขับขี่
ตั้งค่าประกันภัยรถยนต์ตามสถานการณ์ของผู้ขับขี่ เช่น การประกันภัยสำหรับผู้ขับขี่ที่มีความเสี่ยงต่ำและการประกันภัยสูงสำหรับผู้ขับขี่ที่มีความเสี่ยงสูง ซึ่งจะนำไปสู่การยับยั้งการขับขี่ที่เป็นอันตราย
"Connected car" ไม่เพียงส่งผลต่อผู้ขับขี่แต่ยังรวมถึงอุตสาหกรรมต่างๆ ในอุตสาหกรรมการผลิตและ Logistic การจัดส่งจะดำเนินการโดยการขับรถอัตโนมัติ และหน้าที่ของระบบการจัดการการจัดส่งจะเป็นแบบเฉพาะสำหรับการขับขี่แบบอัตโนมัติด้วย หรือแม้กระทั่งในการเกษตร ก็จะใช้รถแทรกเตอร์แบบขับเคลื่อนอัตโนมัติเช่นกัน
แล้วคุณกับธุรกิจของคุณพร้อมมั้ย? กับเทคโนโลยี Connected Cars + 5G ขับขี่สู่โลกอนาคต
ถ้าคุณอยากเริ่มก้าวสู่ยุค 5G ตั้งแต่วันนี้ ที่ CSI เราสามารถนำเสนอโมเดลธุรกิจใหม่โดยอาศัยประสบการณ์การพัฒนาระบบที่เชี่ยวชาญมายาวนานกว่า 30 ปี ให้กับคุณได้
ติดต่อเราเลย! https://www.csigroups.com/contact-us